ReadyPlanet.com


ย้อนรอยประวัติศาสตร์แฟชั่น 5,000 ปีจากยุคอียิปต์จนถึงปัจจุบันแฟชั่นเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง


   ย้อนรอยประวัติศาสตร์แฟชั่น 5,000 ปีจากยุคอียิปต์จนถึงปัจจุบันแฟชั่นเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

 

ศัลยกรรมตา ตาสองชั้น จัดเรียงไขมันใต้ตา นำถุงไขมันใต้ตาออก และอื่นๆ อีกมากมาย จากแพทย์ศัลยกรรมชั้นนำจากเกาหลี เข้าถึงง่าย ไม่ต้องบินไกลไปถึงเกาหลีกับ K Beauty Hospital


พบกับซีรีส์ #VogueFashionClass จากโว้กประเทศไทย ซีรีส์ประจำที่อัดแน่นไปด้วยความรู้เบสิกเกี่ยวกับแฟชั่น ไล่ตั้งแต่เสื้อผ้า แอ็กเซสเซอรี่ ไปจนถึงความรู้ทั่วไปที่สายแฟไม่ควรพลาด สำหรับผู้ที่เริ่มต้นศึกษาแฟชั่น และแฟชั่นนิสต้าทั่วประเทศเซฟเก็บเป็นคลังความรู้และนำไปใช้ได้ตลอดกาล

     นิยามความสวยงามของร่างกาย ผิวพันธุ์ และแฟชั่นแต่ละยุคแต่ละสมัยย่อมไม่เหมือนกัน นั่นนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงเป็นพลวัตจากยุคสู่ยุค ครั้งหนึ่งเคยฮิตมาสู่ความเชย ครั้งหนึ่งความปังมาสู่ความเงียบ วิวัฒนาการความยิ่งใหญ่จนสามารถกำหนดเทรนด์ได้มีหลายปัจจัย ตั้งแต่พลังอำนาจทางตรงไปจนถึงสื่อแบบในปัจจุบัน เราอาจจะเคยนิยามแฟชั่นว่านั่นคือ ‘70s หรือ ‘80s วันนี้เราพาย้อนกลับไปตั้งแต่ 5,000 ปีก่อนตั้งแต่สมัยอียิปต์ว่าความสวยงามเชิงแฟชั่นตลอดหลายพันปีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

Egyptian (3100-320 ปีก่อนคริสตกาล)
 

แรงบันดาลใจต้นแบบชุดอียิปต์ที่ Elie Saab หยิบกลับมาทำใหม่
จิวเวลรี่เครื่องถักเครื่องทอ ชุดเดรสที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยผ้าผืนยาวเป็นชุดเดรสชิ้นเดียวพร้อมเครื่องประดับช่วงคอและเอวที่ลักษณะคล้ายสายสะพายผูกเป็นหลัก โดยมีเฮดเดรสรูปทรงที่เราคุ้นตาประดับบนศีรษะเป็นการฟินิชลุคให้คนนึกถึงชาวอียิปต์โบราณตามอุดมคติ แต่บรรทัดฐานนี่ยึดถือตามชนชั้นกลางและสูงของสังคมเท่านั้นเพราะจารึกนั้นมีไม่มากที่จะเอ่ยถึงชนชั้นแรงงานและชุดของพวกเขาโดยเฉพาะ

 

ยุโรปยุคกลาง (ศตวรรษที่ 5 - 15)

 

ชุดชนชั้นกลางและสูงในสมัยยุโรปยุคกลาง

ชุดผ้ากันเปื้อน
     ช่วงยุคที่ยาวนานหลักพันปีทำให้เสื้อผ้าเปลี่ยนแปลงไปได้พอสมควรแต่ก็ยังคงระบุได้ว่าอยู่ในช่วงยุคกลางนี้ ด้วยเหตุผลด้านความแตกต่างทางวัฒนธรรมและพื้นที่ย่อมส่งผลให้ชุดที่ออกมานั้นแตกต่างเช่นเดียวกัน ชุดของยุคกลางในยุโรปจึงกลายเป็นชุดเดรสที่มีรูปแบบทั้งเปิดไหล่ ปิดถึงช่วงคอ เนกไลน์แบบรูกุญแจสำหรับให้นม ไปจนถึงรูปแบบชุดดั่งเจ้าหญิง แต่มีอีกชุดหนึ่ง (เลื่อนสไลด์รูป 2) คือความเป็นเอกลักษณ์ของชาวบ้านยุคนั้นคือลักษณะเหมือนผ้ากันเปื้อนหรืออุปกรณ์กันเปื้อนเพื่อทำงานสะท้อนชีวิตอันตรากตรำของผู้ไม่ใช่ชนชั้นสูงในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน

 

ยุค Elizabethan แห่งเกาะอังกฤษและยุค Rococo ในสไตล์ยุโรปและอเมริกัน (ปี 1550 - 1775)

 

แฟชั่นสตรีชนชั้นสูงในยุคเอลิซาเบธ

 

 

ชุดเดรสสไตล์ Rococo แบบพระนาง Marie Antoinette
     ในช่วงยุคพระราชินีนาถเอลิซาเบธแฟชั่นออกมาในรูปแบบความอลังการอย่างเหลือล้นแอ็กเซสเซอรี่แบบเต็มที่กระโปรงรูปแบบทรงเอสู่กระโปรงที่มีความโป่งป่องที่ดันทรงไว้ มีการแหวกช่วงกลางเล็กน้อยเพื่ออวดลวดลายกระโปรงชั้นใน เนื้อผ้าส่วนใหญ่เป็นผ้าวูลทำจากหนังสัตว์เพื่อความอบอุ่นรวมถึงเนื้อผ้าภายนอกที่มีการใส่ลวดแทรกนูนเพื่อความสวยงามและที่เป็นเอกลักษณ์จริง ๆ คือเครื่องประดับรัฟเฟิลช่วงคอที่บ่งบอกว่านี่ล่ะยุคของเอลิซาเบธ ความงามเหล่านี้ส่งอิทธิพลต่อมาถึงยุคโรโคโค่ในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ ชุดเดรสแบบฉบับสุ่มนิด ๆ มีการเปิดเผยความสวยงามตรงช่วงคอและหน้าอกแสดงสัดส่วนความสวยงามของผู้หญิงมากขึ้น

 


ยุค Victorian และ Gibson Girl (ปี 1830-1900)
 

ชุดพร้อมคอร์เซตแบบวิกตอเรีย

 

 

แฟชั่นในลักษณะ Gibson จากโซนอเมริกา
     ในสมัยยุควิกตอเรียทรวดทรงในอุดมคติของผู้หญิงเริ่มเปลี่ยนไปจากชุดเรียบร้อยสวยงามของรีเจนซี่หรือกระโปรงสุ่มโครงกว้างแบบเก่าไม่ใช่ความสวยงามในอุดมคติอีกต่อไป กลายเป็นเซตคอร์เซตรัดเอวประกอบกับรูปร่างอวบแน่นในช่วงหน้าอกและบั้นท้าย นำมาสู่ชุดที่เราคุ้นตากันดีกับความเอวคอดของเสื้อแต่แฝงไปด้วยสัดส่วนที่เผื่อสำหรับหน้าอกปรับแต่งไปตามพื้นที่ ช่วงกระโปรงเป็นทิ้งชายจับระบายหลากหลายรูปแบบ หรือแม้แต่การทิ้งเลเยอร์ผ้ามาตรง ๆ ก็มีเช่นกัน รูปร่างในอุดมคติแบบนี้ส่งผลให้แฟชั่นในอเมริกามีบรรทัดฐานเรียกว่ากิบสันเกิร์ล ภาพอันโด่งดังที่คนยึดถือเป็นแม่แบบทั้งทางแฟชั่นและรูปร่าง จนชุดที่มีลักษณะช่วงไหล่ยกขึ้นเล็กน้อย ชุดกระโปรงหรือเดรสที่คงไว้ซึ่งการคอดของเอวราวกับใส่คอร์เซตแต่ปรับสัดส่วนนิดหน่อยให้ดูสบายมากขึ้นตามแบบฉบับอเมริกัน

 

ยุค ‘20s และ Flapper Dress (1920s)
 

เหล่าสาว ๆ กับแฟชั่นสไตล์ยุค 1920s
ยุค 1920 ความรุ่งโรจน์ทางการออกแบบแฟชั่นมีให้เราเห็นจากอิทธิพลของแบรนด์ Chanel ที่สร้างสรรค์ชุดแฟลปเปอร์เดรสสุดคลาสสิก รูปแบบของเสื้อผ้าจะโน้มเอียงไปในทิศทางเดียวกันอิงจากร่างกายในอุดมคติของสาว ๆ ที่ต้องแบนเป็นกระดานส่วนเว้าส่วนโค้งไม่มากนัก ทำให้ชุดต่าง ๆ ถูกออกแบบมาแบบไม่เปิดเผยเน้นรัดทรวดทรงมากนัก ชุดส่วนมากจะเป็นแขนกุดหรือแขนยาวโดยมีกระโปรงที่ยาวระดับเข่าเป็นองค์ประกอบหลักของชุด สะท้อนถึงชุดที่สามารถเดินอวดโฉมตามท้องถนนในขณะที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์และเนื้อผ้าเล็กน้อยก็สามารถเต้นบนฟลอร์ได้อย่างพลิ้วไหว...

 

ยุค ‘30s / The Hollywood Starlets (1930s)

 

ชุดเดรสยาวสุดหรูหราสไตล์ฮอลลีวู้ด

 

 

ชุดสำหรับช่วงกลางวัน

 

 

รองเท้าเสริมส้นที่นิยามในสมัยช่วงปี 1932-1939
     ความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมฮอลลีวู้ดตั้งแต่ช่วงปลายยุค ‘20s เป็นต้นมามีอิทธิพลถึงช่วงยุค ‘30s ยาวไปจนถึง ‘40s เลยด้วยซ้ำ ชุดเดรสยาวมีความอู้ฟู่หรูหราประกอบกับเครื่องประดับช่วงคอที่เสริมแต่งให้ชุดนั้นดูเลอค่าขึ้นไปอีกระดับเป็นการตั้งบรรทัดฐานของแฟชั่นยุคสมัยนั้นอย่างเห็นได้ชัด แต่มันไม่ได้ทั้งหมดเพราะชุดเหล่านี้โดดเด่นแต่ในแสงไฟและช่วงเวลากลางคืน หากมองย้อนกลับไปดูจริง ๆ ชุดอีกรูปแบบหนึ่งคือชุดค่อนสั้นค่อนยาวหรือจะเป็นชุด 2 ส่วนแบ่งกระโปรงและแจ๊กเก็ต เพิ่มดีเทลตรงช่วงเอวด้วยเข็มขัดและสร้างเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลด้วยหมวกที่สไตลิ่งการใส่แบบเอียงนิด ๆ ทั้งหมดรวมกันก็จะกลายเป็นสาว ‘30s ที่สมบูรณ์ และถ้าจะสมบูรณ์ที่สุดห้ามลืมรองเท้าออกซ์ฟอร์ดเสริมส้นเด็ดขาด

 

ยุค ‘40s / สงครามโลก (1940s)

 

แฟชั่นยุคนั้นกับเสื้อเชิ้ตไหล่กว้างและกระโปรงทรงเอ

 

 

แฟชั่นสไตล์ทหารแบบฉบับสุภาพสตรี
     แฟชั่นสมัยยุค ‘40s อาจจะดูแข็งกระด้างไปสักนิดหากเทียบกับเดรสรูปแบบต่าง ๆ หรือไม่ก็การมิกซ์แอนด์แมตช์เนื้อผ้าความพลิ้วไหวที่สะท้อนถึงความเฟมีนีน กรอบของสังคมที่มุ่งเน้นความเข้มแข็งแฟชั่นก็ย่อมเปลี่ยนตามไหล่กว้างตรงหรือที่เรียกว่า “Strong Shoulders” ถูกพัฒนาลงในเสื้อเชิ้ตของผู้หญิง ประกอบกับกระโปรงยาวเลยเข่าทรงเอปลายพลีตและปลายเรียบแล้วแต่สไตล์ รองเท้ายังคงเป็นส้นแบบยุค ‘30s แต่ที่เพิ่มเติมและเห็นว่าขาดไม่ได้เลยแค่ลุคทหารของสุภาพสตรี กำลังพลทหารผู้ชายไม่เพียงพอเสมอไป ฉะนั้นการคัดเลือกผู้หญิงเข้ามาเป็นทหารในหลาย ๆ ฝ่ายทำให้เกิดแฟชั่นของยุคทหารและส่งต่อมาเป็นแฟชั่นเน้นฟังก์ชั่นสำหรับกรอบแฟชั่นยุคนั้นไปโดยปริยาย

 

New Look (1947)
 

New Look ในหนังสือโว้กอเมริกาปี 1947
พูดถึงแฟชั่นแต่จะไม่พูดถึงสิ่งที่ปฏิวัติให้แฟชั่นกลับมายิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยสีสันอย่าง “New Look” ฝีมือของ Christian Dior ไม่ได้ ด้วยลักษณะของสังคมที่เผชิญสงครามนานหลายปีทำให้เสื้อผ้าและความสร้างสรรค์ผ่านมุมมองทางศิลปะเสื้อผ้าไม่ถูกให้ความสำคัญ แต่คริสเตียนบอกไม่! เขาสวนกระแสด้วยการปล่อยชิ้นงานที่ใช้ทั้งเวลา ความซับซ้อน เงินทุน รวมถึงเทคนิคมหาศาลเพื่อสร้างสรรค์ชุดนี้เพื่อปลุกชีวิตแฟชั่นอีกครั้งหลังจากเสียชีวิตนอนกองไปกับซากศพทหารและพลเรือนหลักล้าน นี่คือเทรนด์แฟชั่นที่ชุบชีวิตวงการอย่างแท้จริง

 

ยุค ‘50s (1950s)
 

 

 

 

30+ดูภาพทั้งหมด

ในยุคนี้แฟชั่นมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งฮิปฮอปเองหรือแม้แต่กระแสอัลเทอร์เนทีฟร็อก รวมถึงถึงเพลงป๊อปก็มาไม่ขายสาดฉะนั้นแฟชั่นจึงเป็นเรื่องที่นิยามยากขึ้นในยุคนี้ แต่ที่เรากำลังจะพูดถึงคือไอเท็มที่สอดแทรกเข้าไปอยู่ในทุกแขนงการแต่งตัวนั่นก็คือยีนส์หรือเสื้อผ้าเดนิมซึ่งมีบทบาทอย่างมากในยุคนี้ ต้องบอกว่ามีตั้งแต่กางเกงเอวต่ำ กระโปรงตัวจิ๋ว เสื้อสายเดี่ยวและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เนื้อผ้าที่นิยมที่สุดก็หนีไม่พ้นยีนส์อยู่ดี ถ้าเราจะนิยามตลอด 10 ปีของยุคสมัยนี้แบบคำเดียวอยู่คงต้องบอกว่า “Denim Era”

     ในปัจจุบันมีความหลากหลายของแฟชั่นอย่างมากแต่ส่วนใหญ่ล้วนนำสิ่งเก่ามาตีความใหม่ให้ทันยุคสมัยมากขึ้น ทั้ง Power Dressing จากยุค ‘80s ที่เล่นรายละเอียดความแข็งแกร่งเพิ่มความแมสคิวลีนสมกับที่ผู้หญิงมีความเท่าเทียมชายในยุค 2019 นี้ประกอบการแมตช์เสื้



ผู้ตั้งกระทู้ KBH :: วันที่ลงประกาศ 2024-04-04 10:48:55 IP : 49.229.242.208


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2006-2024 All Rights Reserved.